บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส แนะลงทุนหุ้นแบรนด์หรูยังมีศักยภาพเติบโตดี
ความนิยมในสินค้าแบรนด์เนมยังคงมีความแข็งแกร่งต่อเนื่อง
ผู้บริโภคที่มีรายได้ในระดับที่สูงขึ้นมีแนวโน้มที่จะใช้สินค้าแบรนด์เนมเพื่อแสดงความเป็นตัวตนหรือบุคลิกภาพ
เพื่อแสดงฐานะทางสังคม หรือเพื่อให้รางวัลกับความสำเร็จของตนเอง
กลุ่มสินค้าแบรนด์ระดับสูง (Luxury Products) จะมีราคาแพง
มีคุณภาพสูง และมักจะผลิตขึ้นมาอย่างจำกัด
ซึ่งก็ทำให้เกิดกระแสการซื้อเพื่อการลงทุน
เพราะราคาผลิตภัณฑ์ในตลาดมือสองมีการปรับขึ้นต่อเนื่องจากความต้องการของตลาด
เมื่อเรากล่าวถึงสินค้าแบรนด์ระดับสูง ก็มักจะมีชื่อแบรนด์เด่นๆ ผุดขึ้นมา เช่น Louis
Vuitton, Hermes, และ Gucci เป็นต้น
จุดเด่นที่สำคัญของกลุ่มแบรนด์หรูคือ การมีอำนาจด้านการตั้งราคา และสามารถส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นไปยังลูกค้าได้ แต่ถ้าเป็นแบรนด์ระดับเริ่มต้นหรือราคาที่ไม่แพงมากนัก ก็จะยังคงได้รับผลกระทบทางลบจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และกำลังซื้อที่อ่อนแอลงตามภาวะเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอ ก็ยังมีปัจจัยบวกต่อสินค้าแบรนด์เนมคือการแข่งขันที่มาจากผู้เล่นรายใหม่จะลดลงเมื่อเทียบกับช่วงภาวะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
บทวิเคราะห์ของ DBS CIO Insights ชี้ว่าแบรนด์ระดับสูง
(top-end brands) ซึ่งได้พิสูจน์ความสำเร็จทางธุรกิจมาแล้วในอดีต
ก็จะยังคงอยู่ในตลาดต่อไปในระยะยาว
โดยกลุ่มนี้มีพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่งซึ่งได้หล่อหลอมมาจากประสบการณ์ในระยะเวลาที่ยาวนาน
เช่น กลยุทธ์การตั้งราคา การกระจายธุรกิจไปในหลายภูมิภาคของโลก
การควบคุมที่เข้มงวดในกระบวนการผลิต เป็นต้น เราเชื่อว่ากลุ่มแบรนด์หรูเหล่านี้
จะสร้างความน่าสนใจของผลิตภัณฑ์ต่อกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่
และจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธุรกิจยังคงเติบโตได้อย่างมั่นคงในอนาคต
DBS เห็นว่า
กลุ่ม Millennials จะมาเป็นพลังสำคัญหนุนการเติบโตกลุ่มสินค้าแบรนด์เนมในระยะต่อไป
โดยกลุ่ม Millennials เป็นกลุ่มที่เกิดช่วงปี ค.ศ.1981-1996
และเติบโตมาในยุคเศรษฐกิจเฟื่องฟู ได้รับการเอาใจใส่ที่ดีจากครอบครัว
เป็นวัยเริ่มทำงาน คาดว่า กลุ่ม Millennials จะมีสัดส่วนการใช้จ่ายเพิ่ม
จากที่เคยมีสัดส่วนการใช้จ่ายประมาณ 35% ของตลาดสินค้าหรู ในปี 2019
มาเป็น 45-50% ในปี 2025
ซึ่งจะเป็นสัดส่วนกลุ่มผู้ซื้อที่ใหญ่ที่สุดในตลาดสินค้ากลุ่ม Luxury
กลุ่ม Millennials มองสินค้ากลุ่มแบรนด์เนมในแบบของตนเอง
ซึ่งแตกต่างจากคนรุ่นก่อนๆ โดยกลุ่ม Millennials จะได้รับอิทธิพลมากขึ้นจากกลุ่มดารา
นักร้องวัยรุ่น และเป็นไปในเชิง “Streetwear” หรือแฟชั่นที่ผสมผสานกันมาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ฉีกกฎจากแฟชั่นยุคเก่าๆ เช่น การใส่เสื้อขนาดใหญ่กว่าปกติ (Oversized) มีการพิมพ์โลโก้ขนาดใหญ่บนเสื้อผ้า
เป็นต้น ซึ่งพวกนี้ได้รับอิทธิพลมาจากกลุ่มเล่นสเก็ต (Skate), เซิร์ฟบอร์ด
(Surf), และกลุ่มดนตรีแนวฮิปฮอป (hip-hop) เป็นต้น
ในช่วงหลังนี้ กลุ่มแบรนด์หรู
ก็เข้ามาร่วมวงเพื่อจับตลาดนี้
โดยใช้จุดเด่นของแต่ละค่ายมาร่วมสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมา เช่น “Louis
Vuitton x Nike Air Force 1” หรือ “Adidas & Gucci” แม้กระทั่ง
“Disney & Givenchy” ก็ออกคอลเล็กชั่นในธีม 101
Dalmatians เป็นต้น
การปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลของสินค้าหรู
ซึ่งเราเห็นภาพชัดเจนว่า
กลุ่มแบรนด์เนมได้มีการเปลี่ยนแปลงไปตามไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค
มีการใช้ช่องทางการตลาดผ่าน Social Media มากขึ้น เนื่องด้วยเกือบ 70%
ของกลุ่ม Millennials ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มแบรนด์แฟชั่นผ่านทาง
Social Media และกลุ่มแบรนด์เนมก็ยังนำเทคโนโลยีสมัยใหม่
เช่น Virtual Reality เข้ามาเสริมประสบการณ์ของกลุ่มเป้าหมาย
ซึ่งช่วยเพิ่มน้ำหนักในการตัดสินใจซื้อสินค้า
ตัวอย่างคือ Gucci ที่มีการนำ Augmented Reality มาใช้บนมือถือ และ Dior ได้นำ Virtual Beauty ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญมาให้คำแนะนำแก่ลูกค้าแบบ real-time เป็นต้น การปรับตัวเหล่านี้เป็นปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยหนุนกระแสความนิยมของสินค้าแบรนด์เนมให้คงอยู่ในตลาดและยังสามารถจับกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง
รายงานของ
DBS ชี้ว่า ตลาดที่มีศักยภาพสูงของกลุ่มสินค้าแบรนด์เนมคือตลาดจีน
โดยมีการคาดการณ์ว่าผู้บริโภคชาวจีนจะเป็นกำลังซื้อสำคัญของกลุ่มแบรนด์เนมในอีกไม่กีปีข้างหน้า
โดยตัวเลขคาดการณ์ชี้ว่า ในปี 2021
สัดส่วนการซื้อสินค้าหรูของจีนอยู่ที่ประมาณ 21-23%
ของตลาดโลก ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับการซื้อในตลาดยุโรป
แต่ยังต่ำกว่าสัดส่วนการซื้อจากตลาดสหรัฐฯซึ่งอยู่ที่ 30-32%
ของตลาดสินค้าแบรนด์เนมของโลก
อย่างไรก็ดี
คาดว่าสัดส่วนการซื้อของชาวจีนจะเพิ่มขึ้นมาเป็น 40-45%
ของโลกในปี 2025
ซึ่งก็จะทำให้ตลาดจีนมีความสำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งสำหรับการเติบโตของกลุ่มแบรนด์เนม
ปัจจัยสำคัญที่หนุนการบริโภคสินค้าแบรนด์เนมของชาวจีนคือ
กลุ่มชนชั้นกลางระดับกลางและระดับบนที่กำลังขยายตัวต่อเนื่อง (high and
upper-middle income households)
ตัวเลือกการลงทุน
สำหรับผู้ที่มีความสนใจ เราแนะนำกองทุนเปิดธนชาตพรีเมียมแบรนดส์ฟันด์ (T-PREMIUM-BRAND)
ซึ่งมีกองทุนหลัก คือ PICTET FUNDS (LUX) - PREMIUM BRANDS
แนะนำให้นักลงทุนศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน
การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ภาวะตลาดที่ผันผวน
และแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศที่เข้าไปลงทุน แนะนำให้นักลงทุนมีการกระจายความเสี่ยงด้วยการให้น้ำหนักลงทุนกระจายไปในหลายสินทรัพย์และเหมาะสมกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของนักลงทุน