บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส แนะหุ้นกลุ่มรถยนต์จีน เติบโตแกร่ง
DBS Bank มองว่า
อุตสาหกรรมรถยนต์ของจีนมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2565
โดยกลุ่มที่มีการเติบโตสูงยังเป็นกลุ่มรถพลังงานทางเลือก (New Energy Vehicles, NEV) จากปัจจัยราคาน้ำมันแพง
ส่งให้คนหันมาให้ความสนใจกับรถพลังงานทางเลือกมากขึ้น
ประกอบกับรัฐบาลให้การสนับสนุนตลาดรถดังกล่าว ซึ่ง DBS หยิบยกประเด็นสำคัญสนับสนุนความเชื่อดังกล่าวมี
4 ด้านใหญ่ๆ ด้วยกันคือ
(1) นโยบายรัฐหนุน
- รัฐบาลจีนได้ออกมาตรการกระตุ้นตลาดรถยนต์หลายด้านด้วยกัน
เช่นการประกาศลดภาษีซื้อรถยนต์ สำหรับกลุ่มที่ราคาไม่เกิน RMB 300k โดยเป็นการลดเหลือ
5% จากเดิม 10% ซึ่งส่งให้ยอดขายรถยนต์บุคคลฟื้นตัวแรงตั้งแต่นโยบายนี้มีผลในเดือน
มิ.ย. 2565 และยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อ นอกจากนี้แล้ว
รัฐบาลยังเพิ่มมาตรการให้เงินอุดหนุนรถพลังงานทางเลือก (New Energy Vehicles, NEV) สูงถึง
RMB 10,000
สำหรับการซื้อรถใหม่หรือการเปลี่ยนรถยนต์ของผู้บริโภค
และในอีกด้านหนึ่ง รัฐบาลยังมีการเตรียมออกมาตรการหนุนตลาดรถมือสอง
ด้วยการยกเลิกข้อจำกัดในการโอนรถมือสองข้ามพื้นที่
ซึ่งจะทำให้ตลาดมีความคล่องตัวมากขึ้น
ส่งให้ผู้บริโภคตัดสินใจเปลี่ยนรถได้ง่ายขึ้นเพราะมีตลาดรถมือสองรองรับ
(2) ธุรกิจฟื้นตัวหลัง
Lockdown - หลังจากปัญหาการถูก
Lockdown ในช่วงครึ่งแรกของปีซึ่งกระทบผู้บริโภคและธุรกิจในวงกว้าง
โดยหลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการคุมการระบาดนั้น ดีลเลอร์รถต่างๆ
ก็เริ่มทำการส่งมอบรถยนต์คงค้างตามออร์เดอร์ในมือ
ทำให้กิจกรรมการซื้อขายรถยนต์กลับมาเป็นปกติมากขึ้น
(3) คาดเศรษฐกิจมีเสถียรภาพดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
2565 -
รัฐบาลจีนได้ออกมาตรการต่างๆอย่างต่อเนื่องเพื่อหนุนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวในวงกว้าง
หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดในช่วงครึ่งแรกของปี
มาตรการการเงินยังคงเป็นแนวผ่อนคลายสวนทางกับประเทศอื่นที่ใช้นโยบายเข้มงวด เช่นสหรัฐ
ยุโรป เป็นต้น มาตรการการคลังเป็นแบบขยายตัวเพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจ
ในขณะที่สถานการณ์ Supply
Chain ปรับตัวดีขึ้นและราคาโภคภัณฑ์ต่างๆ
เริ่มปรับลดลง
ส่วนภาคอสังหาฯแม้ว่าจะยังคงมีปัญหาในหลายๆ จุด
แต่รัฐบาลก็พยายามเร่งแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนเพื่อไม่ให้ปัญหาลุกลามออกไป ดังนั้น
ในภาพรวมเชื่อว่าแนวโน้มเศรษฐกิจครึ่งปีหลังมีแนวโน้มดีกว่าครึ่งปีแรก
ซึ่งถูกกระทบหนักจากมาตรการ lockdown
และปัญหา Supply Chain Disruption
(4) มีการเร่งสะสมสินค้าคงคลัง - ในอุตสาหกรรมรถยนต์จีนนั้น ผู้ผลิตรถยนต์ได้มีการเร่งการผลิตมากขึ้น เพราะระดับสินค้าคงคลังของดีลเลอร์รถอยู่ในระดับต่ำ ส่วนดีมานด์กำลังฟื้นตัวแรง ในขณะเดียวกัน ผู้ผลิตรถยนต์ค่ายต่างๆ ก็มีแผนเปิดตัวโมเดลรถใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งก็จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญส่งให้ตลาดรถยนต์จีนฟื้นตัวได้ดีในช่วงครึ่งปีหลัง
ปัจจัยเสี่ยงที่อาจมากระทบตลาดรถยนต์จีน
คือ ราคาวัตถุดิบในการผลิตที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่ม EV และในอุตสาหกรรมรถยนต์ยังมีปัญหาด้าน
Supply Chain คงเหลืออยู่ในหลายส่วน
เช่นการขาดแคลนชิปที่ใช้ในรถยนต์เป็นต้น สำหรับในภาพใหญ่
ก็ยังมีความเสี่ยงของการระบาดซ้ำ หรือปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่อาจบานปลายมากขึ้นและกระทบความมั่นใจของผู้บริโภคในการตัดสินใจซื้อรถยนต์ก็ได้
โดยข้อมูลในอดีตชี้ว่า
ตลาดอสังหาฯที่ไม่ดีในจีน อาจเป็นลบต่อ Sentiment ผู้บริโภค
แต่มักจะกระทบในตลาดล่างมากกว่า เพราะเป็นกลุ่มที่มีความอ่อนไหวสูง
แต่ตลาดรถยนต์ระดับกลางถึงระดับบน ยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี
ทิศทางลงทุนกลุ่มอุตสาหกรรมย่อย
แบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ดังนี้
(1) กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์
(Automakers) : DBS แนะนำให้เน้นผู้ผลิตที่จับตลาดรถยนต์พลังงานทางเลือก
(NEV) ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวสูงและอยู่ในความต้องการของผู้บริโภค
เราคาดว่ากำไรปี 2565 จะขยายตัวประมาณ 20-30%
โดยใช้ตัวเลขจากหุ้นบริษัทผลิตรถยนต์ที่ DBS ทำการติดตาม ซึ่งไม่ใช่ตัวเลขภาพรวมของอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มนี้ยังมีราคาไม่แพง ซื้อขายกันปี PE 2565
ประมาณ 4-16x
โดยในกลุ่มนี้ หุ้น BYD อาจได้รับผลกระทบทางลบจากความกังวลของนักลงทุนว่า
บริษัท Berkshire อาจทำการขายหุ้น
BYD ที่ถืออยู่ออกมา
เพราะหุ้นเริ่มแพงแล้ว ในขณะที่มีโอกาสที่นักลงทุนจะโยกเงินออกไปซื้อหุ้นบริษัทอื่นที่ราคาถูกกว่าก็ได้
(2) กลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์
(Auto Parts) : กลุ่มนี้จะได้ประโยชน์จากอุตสาหกรรมรถยนต์โลกที่ฟื้นตัว
โดยในขณะนี้อุตสาหกรรมรถยนต์โลกได้ฟื้นตัวมาได้ประมาณ 80% ของช่วงก่อนวิกฤติ Covid ไปแล้ว
ในขณะที่ปัญหา Supply
Chain ของอุตสาหกรรมรถยนต์เริ่มดีขึ้น
ราคาเซมิคอนดักเตอร์เริ่มลดลง ราคาเหล็กและอะลูมิเนียมเริ่มลดลง ในขณะที่ราคาขนส่ง
(Shipping Freight Rates)
ซึ่งกำลังปรับตัวลดลงจะช่วยตลาดส่งออก ดังนั้น
เหล่านี้จึงเป็นปัจจัยหนุนการฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง กลุ่มนี้ซื้อขายที่ PE 2565
ประมาณ 8-22x
(3) กลุ่มดีลเลอร์รถยนต์
(Auto Dealership) : กลุ่มนี้ได้ประโยชน์จากการลดภาษีของรัฐบาลจีน
โดยเฉพาะการลดภาษีซื้อ ซึ่งเป็นบวกกับรถยนต์กลุ่ม high-end และระดับพรีเมียม สำหรับในกลุ่มนี้
ความท้าทายคือ Supply รถไม่พอขาย
ทำให้ผู้ซื้ออาจต้องรอรถเป็นเวลานาน ทำให้เกิดการสูญเสียโอกาสในการสร้างรายได้
และในกรณีเลวร้ายคือในกรณีที่จีนมีการระบาดซ้ำอีกในช่วงครึ่งปีหลัง
ซึ่งอาจนำไปสู่การ Lockdown
ในวงกว้างอีกรอบหนึ่ง กลุ่มนี้ซื้อขายกันที่ PE 2565
ประมาณ 2-13x
หุ้นเด่น
ได้แก่
(1) BYD (1211 HK; BUY, target price HK$380.0)
(2) Guangzhou Auto (2238 HK; BUY, target price HK$9.0)
(3) Great Wall Motor (2333 HK; BUY, target price HK$24.0)
(4) Geely Auto (175 HK; BUY, target HK$20.0)
ความเสี่ยง
– การลงทุนในอุตสาหกรรมเฉพาะ มีความเสี่ยงกว่าตลาดโดยรวม การลงทุนในต่างประเทศ
มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนและกฎเกณฑ์ทางการที่อาจเปลี่ยนไป
มีความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจของประเทศที่เราเข้าไปลงทุน เป็นต้น
แนะนำให้กระจายความเสี่ยงจากการลงทุนด้วยการกระจายหุ้น/ทรัพย์สินในพอร์ตให้เหมาะสมกับความเสี่ยงของแต่ละบุคคล