การอัปเกรด Ethereum เวอร์ชั่น The Merge น่าสนใจในการลงทุนอย่างไร
หลังจากที่ Vitalik Buletin ผู้ก่อตั้ง Ethereum เหรียญคริปโตอันดับสองได้ประกาศว่าการทดสอบระบบครั้งสุดท้ายที่จะนำไปสู่การอัปเกรด Ethereum สู่เวอร์ชั่น The Merge ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ทำให้ภายในวันที่ 15-16 กันยายนนี้ Ethereum จะปรับกลไกตัวเองเข้าสู่ระบบ Proof Of Stake อย่างสมบูรณ์
ก่อนหน้านี้จนถึงปัจจุบัน Ethereum ใช้กลไก Proof Of Work หรือการใช้ฮาร์ดแวร์ในการประมวลผลและยืนยันการทำธุรกรรมในบล็อกเชนหรือพูดง่ายๆว่าขุดแล้วได้เหรียญ ETH เป็นผลตอบแทน
แต่หลังจากที่ปรับเปลี่ยนเป็น Proof Of Stake กลไกจะเปลี่ยนจากการขุดเป็นการวางเหรียญ ETH เพื่อทำการ Staking
ช่วยยืนยันการทำธุรกรรมและรับผลตอบแทน ขณะที่การขุดยังคงสามารถทำได้แต่ซัพพลายใหม่ที่จะได้จะปรับลดลงถึง 90% กล่าวคือผลตอบแทนที่ได้จากการขุดจะลดลงอย่างมาก
ความชัดเจนของการอัปเกรดสู่ The Merge ทำให้ราคาเหรียญ Ethereum ปรับตัวขึ้นมากกว่า Bitcoin เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่าการถือเหรียญ ETH จะช่วยสร้างผลตอบแทนได้โดยมีประเด็นที่ทำให้มีความน่าสนใจในการลงทุนดังนี้
ข้อแรก..Ethereum จะเข้าสู่สินทรัพย์ที่มีสถานะเงินฝืดเช่นเดียวกับ Bitcoin เนื่องจากที่ผ่านมา Ethereum สามารถที่จะขุดได้ได้เรื่อยๆโดยไม่มีซัพพลายจำกัด แต่หลังจากที่ Ethereum
เริ่มมีซัพพลายที่จำกัดและหากยังคงมีดีมานด์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ตามกลไกทางเศรษฐศาตร์ราคาจะปรับตัวสูงขึ้น
ข้อสอง..การที่สามารถทำ Staking
ได้จะช่วยสร้างผลตอบแทนแบบ Passive Income ได้ดีกว่าการขุดซึ่งจะต้องลงทุนทางด้านฮาร์ดแวร์อย่างเช่นคอมพิวเตอร์และการ์ดจอ แต่การ Staking ทำได้เพียงแค่ถือเหรียญ ETH ไว้กับตัวเท่านั้น
ซึ่งมีโอกาสที่จะสร้างผลตอบแทนได้ทั้งราคาเหรียญที่เพิ่มขึ้นและการได้ผลติบแทน Staking
ขณะที่ผลพลอยได้จากการถือเหรียญ ETH ก่อนที่จะเกิด The
Merge คือผู้ถือจะได้รับเหรียญ ETH ใหม่ที่เกิดจากการ
Hard Fork ซึ่งจะเป็นเหรียญที่คงกลไกของ Proof Of Work เอาไว้
เท่ากับว่าผู้ถือเหรียญจะได้เหรียญ ETH ทั้งเวอร์ชั่นที่เป็นทั้ง Proff Of Stake และ
Proof Of Work
อย่างไรก็ตามเหรียญ ETH ใหม่ที่คงกลไกของ
Proof Of Work ยังไม่ชัดเจนว่าจะมีนักพัฒนานำไปสร้างเป็น dApps จนเกิดมูลค่าเพิ่มให้กับเหรียญได้หรือไม่ซึ่งจะต้องจับตาการพัฒนาของเหรียญดังกล่าวต่อไป
ทั้งนี้การเติบโตของ Ethereum จะเกิดขึ้นได้ นอกเหนือจากกลไกทางด้านซัพพลายแล้วยังต้องมีกลไกทางฝั่งดีมานด์เข้ามากล่าวคืออุตสาหกรรมคริปโตจะต้องกลับมาเดินหน้าอีกครั้งด้วย dApps ใหม่ๆไม่ว่าจะเป็น DeFi, GameFi หรือ
NFT ที่จำเป็นต้องอาศัยโครงสร้างพื้นฐานของ Ethereum ในการพัฒนา หากเกิดโปรเจกต์ใหม่ๆที่น่าสนใจขึ้นมาก็จะทำให้เกิดความต้องการเหรียญ ETH กลับเข้ามาได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม Ethereum ยังต้องมีการอัปเกรดอย่างต่อเนื่องหลังจากเวอร์ชั่น The Merge ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาความเร็วในการทำธุรกรรมที่ยังช้าและปัญหาค่าธรรมเนียมที่แพงต่อไปซึ้งหากแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ Ethereum จะเป็นเหรียญที่น่าสนใจในการลงทุนระยะยาวได้