THE GURU • CRYPTOCURRENCY

2 วิธีเอาตัวรอดจากตลาดหมี และเครื่องมือที่ต้องมีติดตัว

บทความโดย: จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา

ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่ไม่แน่นอน ประกอบกับความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่อาจรุนแรงกว่าครั้งไหน ๆ ส่งผลให้ตลาดการลงทุนต่างมีมูลค่าลดลงอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น ทองคำ รวมถึงคริปโทเคอร์เรนซี 

สำหรับนักลงทุนที่มีประสบการณ์ในคริปโทเคอร์เรนซีมาอย่างโชกโชนน่าจะคุ้นเคยกับภาวะตลาดขาลง (ตลาดหมี) แบบนี้กันดี แต่สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในตลาดอาจจะยังไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี เพราะฉะนั้น ในบทความนี้เราจะดูวิธีเอาตัวรอดจากภาวะตลาดหมี พร้อมแนะนำเครื่องมือวิเคราะห์ตลาดที่นักลงทุนทุกคนต้องรู้กัน

ทำไมถึงเริ่มเข้าสู่ตลาดหมี?

สาเหตุที่ทำให้ตลาดเกิดความผันผวนและปรับลดลงอย่างรุนแรงในช่วงนี้ หลัก ๆ มาจากความกังวลของนักลงทุนที่มีต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยเฉพาะหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 0.5% ซึ่งนับเป็นการปรับดอกเบี้ยที่มากที่สุดนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 หรือมากกว่า 20 ปี! จึงไม่แปลกที่นักลงทุนจะเกิดความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่จะตามมา จึงพากันขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง และหันไปถือสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่าแทน

ทั้งนี้ “ตลาดหมี” คือคำที่ใช้เรียก ตลาดขาลง ตรงข้ามกับตลาดกระทิงที่หมายถึงตลาดขาขึ้น และยังมีอีกคำหนึ่งคือตลาดจิงโจ้ ที่ใช้เรียกภาวะแบบออกข้าง (Sideway) แต่อาจพบได้ไม่บ่อยเท่ากับ 2 คำแรก


บริหารความเสี่ยงในตลาดหมีอย่างไรดี?

แม้ตลาดขาลงจะดูน่ากลัวสำหรับนักลงทุนหลาย ๆ คน แต่กับนักลงทุนบางคนนี่อาจเป็นโอกาสที่ดีได้เช่นกัน เรามาดูวิธีบริหารพอร์ตสำหรับภาวะตลาดหมีดังต่อไปนี้กันเลย

1.ทยอยซื้อสะสมด้วยกลยุทธ์ DCA 

    DCA หรือ Dollar Cost Averaging คือการเข้าซื้ออย่างต่อเนื่องด้วยเงินทุนจำนวนเท่า ๆ กันโดยไม่สนราคาสินทรัพย์ เช่น ตั้งใจว่าจะซื้อ Bitcoin ด้วยเงิน 1,000 บาททุกเดือนเป็นเวลา 1 ปี กลยุทธ์นี้เหมาะกับผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลาเฝ้ากราฟ หรือผู้ที่ต้องการลงทุนระยะยาว โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาลงเช่นนี้อาจเป็นโอกาสที่ดีเพราะทำให้นักลงทุนสามารถซื้อเหรียญในจำนวนที่มากขึ้นด้วยเงินทุนเท่าเดิม 

2.เปลี่ยนมาถือ Stablecoin

    การล่มสลายของเครือข่าย Terra ที่มี Algorithmic Stablecoin อย่าง UST รันอยู่บนระบบด้วยกลไก Mint and Burn ผูกกับเหรียญ LUNA ทำให้นักลงทุนทั่วโลกหวาดกลัวกับการถือ Stablecoin เพื่อกระจายความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม Stablecoin อย่าง USDT และ USDC นั้นเป็นเหรียญที่มีเงินดอลลาร์ ทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์ค้ำประกันในอัตรา 1:1 ความเสี่ยงจึงไม่สูงเท่ากับเหรียญประเภท Algorithmic Stablecoin ดังนั้นนักลงทุนจึงสามารถพิจารณาขายสินทรัพย์บางส่วน เพื่อเปลี่ยนไปถือ USDT หรือ USDC ได้ โดยอาจถือไว้จนผ่านพ้นช่วงที่ราคาผันผวน หรือนำไปต่อยอดการลงทุนในด้านอื่น ๆ เช่น Yield Farming, Staking, NFT ได้

เครื่องมือวิเคราะห์ตลาดที่นักลงทุนต้องมีติดตัว

เคยไหม? วางกลยุทธ์ไว้อย่างดิบดี แต่สุดท้ายกลยุทธ์ไม่ปังเพราะตลาดไม่เป็นใจ จะดีกว่าไหมถ้ามีเครื่องมือที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถวิเคราะห์ตลาดได้ดีกว่านี้ เรามาดูตัวอย่างเครื่องมือวิเคราะห์ตลาดที่นักลงทุนคริปโทเคอร์เรนซีทุกคนสามารถนำไปปรับใช้ได้กันเถอะ 

1.CoinMarketcal – ไม่พลาดทุกเหตุการณ์สำคัญ


สำหรับคนที่ไม่อยากพลาดเหตุการณ์สำคัญที่จะเกิดขึ้นกับเหรียญที่สนใจ ไม่ว่าจะเป็นการอัปเดตครั้งสำคัญ งานสัมมนา กิจกรรม Airdrop และเหตุการณ์อื่น ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อทิศทางราคา เว็บไซต์ CoinMarketcal คือเครื่องมือที่ต้องมีติดตัวไว้ เพราะเว็บไซต์นี้ได้รวบรวมข้อมูลเหตุการณ์ที่ถูกกำหนดว่าจะเกิดขึ้นของแต่ละเหรียญ และทำออกมาให้อยู่ในรูปของปฏิทิน แถมยังสามารถกรองให้เหลือแค่เหรียญหรือประเภทเหตุการณ์ที่เราสนใจก็ได้เช่นกัน

2.LunarCrush – เกาะติดกระแสโซเชียล


กระแสโซเชียลก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่อาจส่งผลต่อมูลค่าของสกุลเงินดิจิทัลได้เหมือนกัน โดย LunarCrush คือเว็บไซต์ที่รวบรวมข้อมูลว่าแต่ละเหรียญถูกพูดถึงบนโซเชียลมีเดียอย่างไร ใครที่มีอิทธิพลกับเหรียญนี้มากที่สุด และยังรวมถึงรายชื่อของ Influencer ในวงการคริปโทฯ ที่น่าติดตามไว้อีกด้วย จึงเป็นอีกเครื่องมือที่เหมาะสำหรับการติดตามแนวโน้มของตลาดได้ด้วย

3.Fear & Greed Index – มาวิเคราะห์อารมณ์ของตลาดกัน


อีกเครื่องมือที่ได้รับความนิยมในหมู่นักลงทุนมืออาชีพ กับดัชนี Fear & Greed Index ที่ใช้วัดอารมณ์ของตลาดว่าเป็นเช่นไรในปัจจุบัน ระหว่าง “กลัว” (Fear) กับ “โลภ” (Greed) โดยดัชนีนี้ใช้หลายปัจจัยมาวิเคราะห์ เช่น การเคลื่อนไหวของราคา การพูดถึงบนโซเชียล ข่าวสาร ฯลฯ นักเทรดมืออาชีพบางคนจะใช้เครื่องมือนี้เพื่อหาจังหวะซื้อขาย โดยอาจช้อนซื้อเมื่อดัชนีอยู่ในช่วง Fear และขายทำกำไรเมื่อดัชนีอยู่ในช่วง Greed เป็นต้น

สรุป

ในท้ายที่สุดแล้ว การรับมือกับภาวะตลาดหมีได้ดีที่สุดคือการทำความเข้าใจว่าทุกอย่างย่อมเป็นไปตามวัฏจักรของตลาด มีขึ้นย่อมมีลง ในช่วงตลาดเช่นนี้นักลงทุนควรพิจารณาปรับกลยุทธ์มาเป็นมาลงทุนในระยะยาวให้มากขึ้น หมั่นศึกษาทำความเข้าใจในสินทรัพย์ เลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่ตนเชื่อมั่น และคอยบริหารความเสี่ยงอยู่เสมอถึงจะทำให้นักลงทุนประสบความสำเร็จได้


เกี่ยวกับนักเขียน

จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านคริปโตฯ เทคโนโลยีบล็อกเชน

อ่านบทความทั้งหมดของนักเขียน