THE GURU • FUND FOCUS

ประมาณการเศรษฐกิจปี 65-66 แนะ 5 กองเด่นน่าลงทุน

บทความโดย: ศกุนพัฒน์ จิรวุฒิตานันท์

            การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและการค้าโลกในปี 2565 ยังอาศัยกำลังจากกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาและตลาดเกิดใหม่เป็นหลัก ขณะที่ในปี 2566 นั้น IMF ปรับลดประมาณการลงทุกกลุ่ม แต่กลุ่มประเทศกำลังพัฒนาและตลาดเกิดใหม่ยังคงให้ตัวเลขอัตราการเติบโตที่สูงกว่า และแนวโน้มเดียวกันนี้ก็ไม่ต่างจากประมาณการเศรษฐกิจในประเทศไทย ซึ่งชี้ว่าปี 2566 จะเติบโตในอัตราที่ชะลอลงจากปี 2565

            เข้าช่วงปลายปีและก็เป็นจังหวะพอดีกับที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เผยแพร่ประมาณการเศรษฐกิจโลกฉบับล่าสุดในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทยก็ได้นำเสนอประมาณการเศรษฐกิจไทยฉบับปรับปรุงล่าเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา บทความฉบับนี้จึงขอนำเสนอสรุปประมาณการเศรษฐกิจดังกล่าว รวมถึงแนะนำกองทุนที่น่าสนใจ

ประมาณการเศรษฐกิจโลกล่าสุด IMF

ประมาณการปี 2565

            World Economic Outlook ของ IMF ฉบับเดือนตุลาคม 2565 นำเสนอว่าภาพรวมเศรษฐกิจโลกปี 2565 น่าจะเติบโต 3.2% ไม่เปลี่ยนแปลงจากประมาณการฉบับเดือนกรกฎาคม 2565 อย่างไรก็ดี รายละเอียดแต่ละกลุ่มประเทศมีการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างกันไป

            กลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโต 2.4% ซึ่งลดลงจากประมาณครั้งก่อนที่คาดว่าจะเติบโต 2.5% โดยเศรษฐกิจสหรัฐฯ ถูกปรับประมาณการลงมากสุด จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 2.3% ลดเหลือ 1.6% ขณะที่เศรษฐกิจยูโรโซน ได้รับการปรับประมาณการเพิ่มมากสุด จาก 2.6% มาเป็น 3.1%

            ส่วนกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาและตลาดเกิดใหม่ เศรษฐกิจจะเติบโต 3.7% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 3.6% โดยเศรษฐกิจอินเดียถูกปรับประมาณการลงมากสุด จาก 7.4% เหลือ 6.8% ขณะที่เศรษฐกิจรัสเซียคาดว่าจะแย่น้อยลง จากเดิมที่คาดว่าจะติดลบถึง 6.0% ปรับขึ้นมาเป็นติดลบ 3.4%

            ทางด้านการค้าโลก คาดว่าจะขยายตัว 4.3% ปรับตัวสูงขึ้นจากเดิมที่ 4.1% โดยกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาและตลาดเกิดใหม่ยังเป็นกำลังสำคัญในด้านการเติบโต กล่าวคือ การนำเข้าของเขตเศรษฐกิจกลุ่มนี้จะเติบโต 2.4% ปรับเพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิมที่ 1.1% และการส่งออกจะเติบโต 3.3% ปรับเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 3.2% ขณะที่กลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว การนำเข้าจะขยายตัว 6.0% ปรับลดจากประมาณการเดิมเล็กน้อยที่ 6.2% และการส่งออกจะขยายตัว 4.2% ลดลงจาก 4.5%

ประมาณการปี 2566

            จากรายงานฉบับเดียวกันของ IMF ในเดือนตุลาคม 2565 คาดว่า เศรษฐกิจโลกในปี 2566 จะเติบโต 2.7% ลดลงจากประมาณการครั้งก่อน (ณ กรกฎาคม 2565) ที่คาดไว้ที่ระดับ 2.9%

            กลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว เศรษฐกิจจะเติบโต 1.1% ซึ่งลดลงจากประมาณครั้งก่อนที่คาดว่าจะเติบโต 1.4% โดยเศรษฐกิจยูโรโซน ถูกปรับประมาณการลงมากสุด จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 1.2% ลดเหลือ 0.5% นำมาโดยเยอรมนีที่เศรษฐกิจปีหน้าอาจติดลบ 0.3% จากเดิมที่ประเมินว่ายังบวกอยู่ในระดับ 0.8% ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีหน้าจะเติบโต 1.0% ไม่เปลี่ยนแปลงจากประมาณการครั้งก่อน

            ส่วนกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาและตลาดเกิดใหม่ เศรษฐกิจจะเติบโต 3.7% ลดลงจากเดิมที่ 3.9% โดยเศรษฐกิจละตินอเมริกา ถูกปรับประมาณการลงมากสุด จาก 2.0% เหลือ 1.7% ขณะที่เศรษฐกิจรัสเซียคาดว่าจะแย่น้อยลงเช่นเดียวกับประมาณการปี 2565 จากเดิมที่คาดว่าจะติดลบถึง 3.5% ปรับขึ้นมาเป็นติดลบ 2.3%

            ทางด้านการค้าโลกในปีหน้า 2565 คาดว่าจะขยายตัว 2.5% ปรับตัวลดลงจากเดิมที่ 3.5% โดยกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาและตลาดเกิดใหม่แม้จะถูกปรับลดประมาณการลงเช่นกัน แต่ก็ในระดับน้อยกว่ากลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว กล่าวคือ การนำเข้าของเขตเศรษฐกิจกลุ่มนี้จะเติบโต 3.0% ปรับลดลงจากประมาณการเดิมที่ 3.3% และการส่งออกจะเติบโต 2.9% ปรับลดลงจากเดิมที่ 3.3% ขณะที่กลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว การนำเข้าจะขยายตัว 2.0% ปรับลดจากประมาณการเดิมที่ 2.8% และการส่งออกจะขยายตัว 2.5% ลดลงจากเดิมที่ประมาณการไว้ถึง 3.5%

 

ประมาณการเศรษฐกิจไทยล่าสุดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย

            รายงานประกอบการแถลงข่าวผลการประชุม กนง. ครั้งที่ 5/2565 เมื่อปลายเดือนกันยายน 2565 ได้นำเสนอว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2565 จะเติบโต 3.3% ไม่เปลี่ยนแปลงจากประมาณการครั้งก่อนหน้าในเดือนมิถุนายน 2565 โดยการนำเข้าสินค้าและบริการจะขยายตัว 16.8% และ 8.2% ตามลำดับ เพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิมที่ 13.8% และ 7.9% ตามลำดับ

            ส่วนเศรษฐกิจไทยปี 2566 ได้นำเสนอว่า จะเติบโต 3.8% ลดลงจาก 4.2% โดยที่การนำเข้าสินค้าและบริการจะขยายตัวเล็กน้อย 1.8% และ 1.1% ตามลำดับ ลดลงจากประมาณการเดิมที่ 3.5% และ 2.1% ตามลำดับ

สรุปประมาณการ

            จะเห็นได้ว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและการค้าโลกในปี 2565 ยังอาศัยกำลังจากกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาและตลาดเกิดใหม่เป็นหลัก ขณะที่ในปี 2566 นั้น IMF ปรับลดประมาณการลงทุกกลุ่ม แต่กลุ่มประเทศกำลังพัฒนาและตลาดเกิดใหม่ยังคงให้ตัวเลขอัตราการเติบโตที่สูงกว่า และแนวโน้มเดียวกันนี้ก็ไม่ต่างจากประมาณการเศรษฐกิจในประเทศไทย ซึ่งชี้ว่า ปี 2566 จะเติบโตในอัตราที่ชะลอลงจากปี 2565

แนะนำกองทุนน่าสนใจตามประมาณการเศรษฐกิจ

            1. ตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่ เน้นความมั่นคงของเงินต้น

            •  กองทุนเปิดทีเอ็มบี Emerging Bond (TMBEBF) เน้นลงทุนในกองทุนหลัก Amundi Funds Emerging Markets Hard Currency Bond โดยลงทุนในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

            • กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Asian Fixed Income ชนิดสะสมมูลค่า (SCBABOND(A)) เน้นลงทุนในกองทุนหลัก DWS Invest Asian Bonds สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) ที่ลงทุนในตราสารที่มีการจ่ายดอกเบี้ยและหุ้นกู้แปลงสภาพที่ออกโดยรัฐบาล/บริษัทในประเทศในภูมิภาคเอเชีย

            2. ตราสารทุนตลาดเกิดใหม่ เน้นโอกาสเติบโต

            • กองทุนเปิดกรุงศรีบริคสตาร์ (KF-BRIC) เน้นลงทุนในกองทุนหลัก Schroder International Selection Fund BRIC (Brazil, Russia, India, China) ที่เน้นลงทุนในตลาดหุ้นของประเทศบราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน

            • กองทุนเปิดวรรณเอเอ็ม โกลบอล อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ต เอควิตี้ (1AM-GEM) เน้นลงทุนในลงทุนตราสารทุนประเทศเป็นตลาดเกิดใหม่ในภูมิภาคต่างๆ ของโลก ทั้งที่จดทะเบียนในประเทศที่เป็นตลาดเกิดใหม่และที่จดทะเบียนในประเทศที่พัฒนาแล้ว

            • กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้น เอ็ม เอ ไอ (KT-mai) เน้นลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทตราสารทุนของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ของประเทศไทย ที่มีแนวโน้มการเจริญเติบโตที่ดีในอนาคต

ข้อมูลเศรษฐกิจจาก imf.org และ bot.or.th

กองทุนแนะนำจาก treasurist.com

เกี่ยวกับนักเขียน

ศกุนพัฒน์ จิรวุฒิตานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์เทรเชอริสต์ ผู้ให้บริการ Treasurist.com ผู้ก่อตั้ง Thailand Investment Forum นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์และผู้แนะนำการลงทุนตราสารซับซ้อนประเภท 1 รับอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. และ นักแปลอาสาของ TED.com

อ่านบทความทั้งหมดของนักเขียน