จัดพอร์ตลงทุนปี 2564 รีท-อินฟราฟันด์ของต้องมี
กลยุทธ์ปีนี้ ยังคงแนะนำนักลงทุนให้กระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายเพื่อลดความเสี่ยงควรลงทุนในหุ้นต่างประเทศประมาณ 40%ของพอร์ต หุ้นไทย 10% แนะเก็บกองรีท-อินฟราฟันด์ หลังราคาหน่วยปรับลดลงในช่วงที่ผ่านมา โดยมีโอกาสรับผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึง 10%
เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปและเป็นไปในทิศทางเดียวกันมากขึ้นในปี 2564 นี้ จากความคืบหน้าของวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งได้รับการอนุมัติและแจกจ่ายในหลายประเทศ ทำให้นักลงทุนลดความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดระลอกใหม่
ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทั่วโลกอย่างต่อเนื่องล่าสุดกว่า 10 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือมากกว่า 10% ของเศรษฐกิจโลก จะช่วยลดความรุนแรงของการหดตัวทางเศรษฐกิจและหนุนเศรษฐกิจโลกให้สามารถฟื้นตัวได้ประมาณ 5% ในปีนี้จากการประมาณการของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)
นอกจากนี้ ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงการดำเนินนโยบายการเงินอย่างผ่อนคลายต่อเนื่อง โดยคงอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำและยังคงเดินหน้าอัดฉีดเงินเข้าระบบผ่านการซื้อสินทรัพย์ต่อไป เหล่านี้เป็นปัจจัยหนุนให้สภาพคล่องในระบบยังอยู่ในระดับสูงและเป็นปัจจัยที่สนับสนุนการลงทุนในตลาดหุ้นให้มีโมเมนตัมที่ดีในระยะข้างหน้า โดยเฉพาะหุ้นของบริษัทชั้นนำของโลกที่มีความโดดเด่นทางเทคโนโลยีและได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้คน (New Economy) สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพในการแข่งขันทางธุรกิจ ซึ่งทำให้บริษัทจดทะเบียนเหล่านั้นมีแนวโน้มการเติบโตที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง เป็นอีกปัจจัยสนับสนุนให้การบริหารกองทุนต่างประเทศของบริษัทประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา
นอกจากนี้ การที่นายโจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ และพรรคเดโมแครตครองเสียงส่วนมากในสภาคองเกรส ก็จะช่วยผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่เป็นไปได้ง่ายขึ้น แต่อย่างไรก็ตามตลาดอาจจะมีความกังวลอีกครั้งเกี่ยวกับการเก็บภาษีที่จะเข้ามากดดันตลาดหุ้นได้
บลจ.วรรณ คาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปีนี้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) มีโอกาสเติบโตได้ในระดับ 3-5%เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ ยังสามารถดำเนินต่อไปได้ และคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะทรงตัวอยู่ที่ระดับ 0.50% โดยจะมีมาตรการทางการเงินอื่นๆ จากภาครัฐออกมาอย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ในส่วนของค่าเงินบาทคาดว่าจะแข็งค่าต่อเนื่อง
โดยได้รับแรงหนุนหลักจากการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่ได้รับแรงกดดันจากการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่
จัดพอร์ตอย่างไรดี?
การจัดพอร์ตลงทุนหลักในปี 2564 แนะนำให้น้ำหนักลงทุนในตลาดหุ้นโลก 40% (หุ้นโลก 20% นอกนั้นอีก 20% กระจายลงทุนในหุ้นจีน เวียดนาม อาเซียน หรือตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ในเอเชีย ลงทุนในตราสารหนี้สัดส่วน 40% หุ้นไทย 10% และลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกอีก 10% โดยการจัดพอร์ตจะสมดุลและมีการลงทุนหุ้นในพอร์ตไม่น้อยกว่า 50%
“กลยุทธ์การลงทุนต่างประเทศก็ควรกระจายไปที่หุ้นขนาดกลางและหุ้นขนาดเล็ก
ที่มีผลตอบแทนดีต่อเนื่อง และราคาหุ้นยังไม่ปรับขึ้นไปมาก (Laggard) และกระจายไปในหุ้นวัฏจักรที่ฟื้นตามเศรษฐกิจในกลุ่มไฟแนนซ์
และอีกกลุ่มที่ไม่ควรมองข้ามคือ หุ้นกลุ่มในกลุ่มเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ”
กองรีท-อินฟราฯ อยู่ในเรดาร์การลงทุน
การลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกประเภทกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (รีท) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (อินฟราสตรัคเจอร์ฟันด์) แนะนำว่าควรต้องมีติดพอร์ตไว้ แต่ต้องเลือกลงทุนในกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานที่มีอนาคตและไม่เกี่ยวข้องกับการล็อกดาวน์จากโควิด-19 เช่น เสาสัญญาณบนดินและใต้ดิน ดาต้าเซ็นเตอร์ ทางด่วน ระบบขนส่งรถไฟฟ้า หรือกองทุนที่มีขนาดใหญ่สภาพคล่องสูง
ส่วนกองรีทประเภทศูนย์การค้า ยังสามารถลงทุนได้ด้วยราคาที่ปรับลงมาน่าสนใจ ส่วนนักลงทุนที่ถือกองรีทซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากโควิด-19 เช่น โรงแรม สนามบิน อาคารสำนักงาน ต้องระมัดระวังดังนั้นควรกลับมาพิจารณาถึงความคุ้มค่าทั้งระยะเวลาถือหน่วยลงทุนและการจ่ายปันผลว่าเหมาะสมหรือไม่
และด้วยกองทุนดังกล่าวไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19
หรือเศรษฐกิจผันผวน
ประกอบกับราคาหน่วยลงทุนมีการปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมายิ่งเป็นการช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากเงินปันผลให้ขยับเพิ่มขึ้นจากเดิมได้
จากเดิมเฉลี่ยผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ที่ 3-4% ต่อปี ในช่วงที่ราคาหน่วยเพิ่มขึ้นสูง
เป็น 10 % ในช่วงที่ราคาหน่วยปรับตัวลดลงมามาก
หุ้นไทย หากวัคซีนมาช้า
อาจได้เห็นดัชนี 1,300 -1,400 จุด
สำหรับหุ้นไทย บลจ.วรรณ ให้เป้าหมายดัชนีสิ้นปี2564 ที่ระดับประมาณ 1,600 จุด หากวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข้ามาเริ่มฉีดให้กับประชาชนได้ภายในครึ่งแรกของปี แต่หากต้องรอวัคซีนไปจนถึงครึ่งปีหลัง และเรายังเปิดประเทศไม่ได้ ยังมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งแน่นอนว่าภาพเช่นนี้จะทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ช้าลงไปอีก ซึ่งทำให้ดัชนีสิ้นปีนี้อาจลงไปอยู่ที่ระดับ1,300-1,400 จุด
ดังนั้น ทิศทางดัชนีหุ้นไทยยังต้องดูโควิด-19 เป็นหลัก ที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยพึ่งพาการส่งออกและการท่องเที่ยวเป็นหลัก บวกกับอัตราราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (พี/อี เรโช) หุ้นไทยก็อยู่ในระดับสูง 25-26 เท่า ถือว่าแพง ดังนั้นได้วัคซีนโควิด-19 ภายในครึ่งปีแรกของปีนี้ อาจเห็นดัชนีทยอยปรับขึ้นได้
การลงทุนในหุ้นไทย บลจ.วรรณ ยังสนใจเข้าลงทุนในหุ้นไอพีโออย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหุ้นที่มีสินทรัพย์เกิน 1 แสนล้านบาท เนื่องจากอยู่ใน SET 50 แม้ว่าเราจะลดสัดส่วนลงทุนในหุ้นไทยเหลือ 10% ซึ่งในปัจจุบันได้ลดสัดส่วนเงินสดลงมาเหลือน้อยมาก เพื่อเน้นการเข้าลงทุนในหุ้นเป็นหลักสำหรับปีนี้ แต่จะให้น้ำหนักการกระจายการลงทุนหุ้นทั่วโลก
สำหรับปีนี้บลจ.วรรณ
จะเน้นไปที่การลงทุนในตลาดหุ้นโลก หุ้นจีน หุ้นญี่ปุ่น และหุ้นตลาดเกิดใหม่
แต่สัดส่วนการลงทุนในหุ้นไทยยังจำเป็นต้องมีอยู่
แต่ต้องกระจายการลงทุนไปต่างประเทศด้วย
โดย พจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) วรรณ จำกัด