“BKI” ฟื้นหลังปลดล็อคโควิดไตรมาส 3 ทำกำไร 981.7 ล้านบาทเพิ่มขึ้นกว่า 210%
“กรุงเทพประกันภัย” เผยผลการดำเนินงาน ไตรมาส 3 ปี 2565 มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 7,146.2 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 11.7 กำไรสุทธิ 981.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 210.9 ฟื้นตัวแข็งแกร่งหลังวิกฤติโควิด-19 พร้อมจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 3.50 บาท
ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 (กรกฏาคม-กันยายน) ของ “กรุงเทพประกันภัย” ว่า มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 7,146.2 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.7 มีผลกำไรสุทธิจากการรับประกันภัยหลังหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและต้นทุนทางการเงิน 313.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 119.6 สาเหตุหลักมาจากการรับประกันภัยโควิดที่สิ้นสุดความคุ้มครองตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ปี 2565 ส่งผลให้ค่าสินไหมทดแทนสุทธิลดลงจากปีก่อน 1,892.2 ล้านบาท คิดเป็นอัตราลดลงกว่าร้อยละ 43.0
โดยมีกำไรสุทธิจากการลงทุน 705.5 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีจำนวน 426.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 279.4 ล้านบาท คิดเป็นอัตราร้อยละ 65.6 ซึ่งเป็นผลมาจากการขายหลักทรัพย์ โดยมีกำไรก่อนค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 1,019.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 187.1 เเละเมื่อหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้แล้ว บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิ 981.7 ล้านบาท กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 9.22 บาท กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 1,867.0 ล้านบาท คิดเป็นอัตราร้อยละ 210.9 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งขาดทุนสุทธิ 885.3 ล้านบาท
ดร.อภิสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนของปี 2565 บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 19,496.3 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.0 ขาดทุนสุทธิจากการรับประกันภัยหลังหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและต้นทุนทางการเงิน 6,999.7 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 1,427.0 โดยมีกำไรสุทธิจากการลงทุน 4,782.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 272.5 ขาดทุนก่อนค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 2,217.4 ล้านบาท เมื่อบวกรายได้ภาษีเงินได้แล้ว บริษัทฯ ขาดทุนสุทธิ 2,170.2 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 363.2 และขาดทุนต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 20.38 บาท
“ทั้งนี้ กรุงเทพประกันภัยยืนยันในความแข็งแกร่งด้านเงินทุน เงินกองทุน และสินทรัพย์ที่มั่นคง พร้อมการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง ปรับตัวให้เท่าทันทุกสถานการณ์ พร้อมเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเเละสร้างโอกาสการเติบโตทางธุรกิจ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างประโยชน์สูงสุดต่อลูกค้า คู่ค้า ผู้ถือหุ้น เเละผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทฯ ทุกกลุ่ม ตามปรัชญาการดำเนินธุรกิจที่ยึดมั่นมาตลอดระยะเวลากว่า 75 ปี เพื่อพัฒนาองค์กรเเละดูแลสังคมให้เติบโตไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน”
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ซึ่งได้ประชุมเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 ได้มีมติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2565 แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 3.50 บาท ในวันที่ 9 ธันวาคม 2565